MINT COVER: พูดคุยถึงเรื่องราวตลอด 1 ปี ที่ผ่านมาของหนุ่มฮอต 'ไบร์ท วชิรวิชญ์' ถึงการเปลี่ยนแปลงในชีวิตการทำงานและครอบครัว

วันนี้เรามีเวลาคุยกับ “ไบร์ท วชิรวิชญ์ ชีวอารี” นานกว่าที่คิด จึงมีเวลาได้พูดคุยถึงเรื่องราวตลอด 1 ปี ที่ผ่านมาของเขา ทั้งความเปลี่ยนแปลงในชีวิต ครอบครัว แน่นอนว่าสัตว์เลี้ยงของเขา ตลอดบทสนทนา คำที่เราได้ยินเขาพูดขึ้นมาบ่อยครั้งก็คือ ชีวิตของเขาเลยจุดคุ้มทุนมาแล้ว แล้วเขาคิดว่าอะไรคือต้นทุนและกำไรในชีวิต สำรวจ “เศรษฐศาสตร์ 101 โดย ไบร์ท วชิรวิชญ์” กันได้ที่นี่

Mint : ถ้าย้อนกลับไปเล่มแรงจะครบ 1 ปีพอดีที่เราเคยคุยกัน เป็นยังไงบ้าง 1 ปีที่ผ่านมาของไบร์ท

ผ่านไปไวมากครับ เหมือนเพิ่งถ่ายปกกันไป จำได้ว่าถ่ายที่สตูดิโอ วันนี้เราก็ถ่ายกับที่สตูฯ เหมือนกัน แต่ใหญ่ขึ้นมี Outdoor ด้วย

งานเยอะครับ งานเข้ามาเรื่อยๆ หนึ่งปีมี 365 วัน ผมคงทำงานไป 300 กว่าวันได้ สัปดาห์หนึ่งผมน่าจะได้หยุดวันเดียว แต่ดีครับ เป็นงานหนักที่เราเต็มใจจะทำ

Mint : ยากไหมกับปีที่ผ่านมา

ชีวิตผมมันยากทุกปี (หัวเราะ) แต่มันยากคนละแบบ ปีก่อนมันอาจจะยากในเรื่องการใช้ชีวิต ปีนี้มันยากในแบบที่ได้เรียนรู้ด้วย Learning Curve ของผมน่าจะเป็นกราฟชัน 90 องศาเลยล่ะ แต่มันยากในแบบที่ผมมีความสุขที่ได้ทำมันครับ

Mint : ขอย้อนไปไกลนิดหนึ่ง ตอน Fantopia เป็นยังไงบ้าง น่าจะเป็นอีกหนึ่งงานที่ยากและเป็นความสุขของไบร์ท

คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกและครั้งเดียว (หัวเราะ) ในตอนนี้ๆ อนาคตมันต้องมีอีก (หัวเราะ) เหมือนที่บอกเลยครับ สำหรับคนเป็นศิลปินแล้วการได้ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตมันคือความใฝ่ฝันอยู่แล้ว ผมที่เมื่อก่อนเป็นนักดนตรี ได้ขึ้นเวทีวันนั้นในฐานะนักร้อง มันมีความสุขอยู่แล้วครับ ก็ไม่เหมือนที่ฝันไว้นะ เพราะมันมากกว่าที่ฝันไว้เยอะมากๆ

วันสุดท้ายผมหูอื้อไปเลย ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ลงมาจากเวทีถามพี่อี๊ด (ผู้จัดการ) “วันนี้คนกรี๊ดน้อยลงเหรอ ผมไม่ได้ยินอะไรเลย” พี่อี๊ดบอกว่าคนกรี๊ดดังกว่าเมื่อวานเยอะเลย มันบอกเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มันอยากเล่นอีก อยากทำอีก อยากขึ้นบนเวทีอีก ก็นั่นหละครับ แต่เร็วๆ นี้ น่าจะมีโอกาสได้เล่นคอนเสิร์ตอีกแน่นอน ผมเชื่อแบบนั้น (ยิ้ม)

Mint : แล้วความฝันของไบร์ทในฐานะนักดนตรี มันเป็นยังไงบ้าง

ผมเคยฝันว่าอยากมีวงดนตรีเป็นของตัวเอง แบบดังประมาณหนึ่ง ไปทัวร์ตามต่างจังหวัดทั่วประเทศ แสดงสดตามร้านอาหารกลางคืน เคยเห็นในอินสตาแกรมของวงดนตรีของหรือนักร้องที่ทุกเดือนเขาจะลงตารางคิวว่าไปไหนบ้าง อย่างเดือนกันยายน มีทัวร์จังหวัด ของแก่น อุดรฯ เชียงใหม่ กลับมากรุงเทพ คืนต่อมาไปหาดใหญ่ มีคนตามไปดู ตามร้องเพลง ผมฝันไว้แบบนั้น อยากลงตารางงานแบบนั้น (หัวเราะ) นั่นแหละความฝันผมตอนเด็กๆ

Mint : ติดใจความเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์บนเวทีหรือยัง

ผมไม่มีปัญหากับการขึ้นเวทีเลยนะ คงเพราะผมเล่นดนตรีมาตั้งแต่เด็ก ชินกับการได้อยู่บนเวที รู้สึกดีที่มีวงดนตรีอยู่ใกล้ๆ มันเป็นบรรยากาศที่เฟรนด์ลี่สำหรับผมอยู่แล้ว แต่วันนี้ในฐานะนักร้อง มันมีความรู้สึกอยากพัฒนาตัวเองมากกว่า ด้วยความใหม่ในการร้องเพลงด้วย มันแค่รู้สึกว่าอยากเก่งขึ้นกว่านี้

Mint : งานยุ่งแบบนี้มีเวลาได้กลับไปจับกีต้าร์บ้างไหม

น้อยลงครับ น้อยลงไปเยอะเลย มันเป็นสิ่งที่ผมชอบ แต่มันมีสิ่งที่ผมต้องทำในตอนนี้ที่มันจำเป็นกว่า เราใช้เวลา 24 ชั่วโมงไม่ได้ มันเลยต้องแบ่งเวลาให้ได้ว่า สิ่งไหนมาก่อน สิ่งไหนรอได้ จริงๆ ผมเปิดช่อง YouTube เอาไว้แล้ว ก็ถ้าพอมีเวลาอาจจะคัฟเวอร์เพลงคนอื่นลงบ้าง ให้พอหายคิดถึง ตั้งกล้องอัดสบายๆ เลย

Mint : เรามีโอกาสจะได้เห็นผลงานเพลงที่มาจากไบร์ทบ้างไหม

(คิดซักพัก) คิดไว้ครับ แต่ขอตกตะกอนกับตัวเองซักพักก่อน คือผมอยากทำเพลงที่เราแฮปปี้กับการทำงานและเพลงก็ต้องขายได้ด้วย คือต้องฮิตติดหูคนฟังด้วย ต้องหาจุดตรงกลางของความชอบเราและเพลงมันต้องทำงานได้ด้วย ซึ่งตอนนี้ผมยังหาจุดตรงนั้นไม่เจอว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน ถามว่าอยากทำไหม อยากทำครับ แต่ยังไม่ต้องรอกันนะ อีกซักพักใหญ่ๆ เลย (ยิ้ม)

Mint : มาที่เรื่องสัตว์เลี้ยงบ้างดีกว่า เป็น Cat Person หรือ Dog Person

ถ้าถามว่าหมาหรือแมว นี่ยากเลยเพราะชอบทั้งคู่ ผมเคยเลี้ยงทั้งหมาและแมวและก็ตั้งใจว่าในอนาคตจะมีทั้งคู่เหมือนกัน แต่ที่เลือกเลี้ยงแมวก่อนเพราะเรื่องของสถานที่

ผมเป็นคนชอบสัตว์อยู่แล้ว ตอนเด็กๆ ผมไปบ้านเพื่อน เขาเลี้ยงกวางผมก็ไปยืนดู ยืนมอง อยากเลี้ยงบ้าง ตอนผมเรียนเตรียมฯ ถ้ามันเซ็งมาก เบื่อมาก ผมจะไป SEA LIFE สยามโอเชี่ยนเวิร์ล ยืนดูปลา ดูกุ้ง อารมณ์ดีแล้วค่อยกลับบ้าน ผมเคยคิดว่าถ้ามีเดทขึ้นมา ผมจะชวนไปที่สวนสัตว์ แล้วอีกหนึ่งความฝันที่อยากทำให้สำเร็จคือมีบ้านหลังใหญ่ เลี้ยงสัตว์ได้เยอะๆ ผมคนยืนดู ยืนยิ้มทั้งวัน

Mint : มาที่อาเมะบ้าง เล่าให้เราฟังหน่อยว่าเป็นยังไงมายังไง

พอผมย้ายมาอยู่ที่คอนโดใหม่ มีพื้นที่มากขึ้น ผมก็เริ่มมองหาว่าจะเลี้ยงอะไรดี มีพื้นที่แล้ว ก็ต้องมีคนที่จะอยู่ด้วยตลอด 24 ชั่วโมง ก็คือคุณแม่ผม ส่วนเรื่องของค่าอาหาร ยารักษา ตอนนี้ผมก็พอที่รับดูแลตรงนี้ไหวแล้ว ก็เลยตัดสินใจรับอาเมะมาดูแลครับ

ต้องบอกก่อนว่าคุณแม่ผมแอบกลัวแมว เพราะแม่เคยโดนแมวข่วนที่แขนแผลเหวอะหวะเอาเรื่องอยู่ ส่วนผมก็เคยโดยหมากัดตรงนิ้วนางเหมือนกัน (พร้อมโชว์แผล) เราก็เข้าใจความรู้สึกนั้น ผมเลยพยายามเลือกหาตัวที่หน้าตาเฟรนลี่ นิสัยน่ารัก ก็เลยมาจบที่พันธ์แร็กดอลล์

เล่าอีกหน่อย เมื่อก่อนรูปในไลน์แม่เป็นรูปคู่กับผม ตอนนี้เป็นอาเมะไปแล้ว เข้าใจความรู้สึกพี่คนโตถูกน้องคนเล็กแย่งความรักก็วันนี้หล่ะ (หัวเราะ)

Mint : ตกเป็นทาสของอาเมะหรือยัง

ผมเป็นจ่าฝูงครับ (ยิ้ม) รู้สึกว่าอาเมะฟังผม เป็นคนเดียวที่อาเมะไม่กล้าหือด้วย คนอื่นถ้าจับมันจะหันมาทำหน้าไม่พอใจ หรืออยากให้แม่ผมเกาพุงก็จะเดินไปด้านหน้าทิ้งตัวนอนขวางเลย เหมือนจะสั่งว่า “เกาชั้นสิ” แต่ผมจะไม่ยอมนะ จะเกาให้ต่อเมื่อผมอยากเกา แต่ผมว่าแม่น่าจะเป็นทาสแมว

Mint : อยากมีอีกซักตัวไหม

อีกหลายๆ ตัวเลยครับ คิดอยู่กลัวเขาจะเหงา ผมคิดไปเองนะ เห็นเขาอยู่คนเดียว ก็กำลังอยู่ในช่วงตกลงกับแม่อยู่ว่า รับมาเพิ่มอีกดีไหม

Mint : อาเมะเป็นส่วนให้ไบร์ทได้ลงมาทำเรื่องดูแลสัตว์ด้วยหรือเปล่า

ไม่ได้มีส่วนขนาดนั้นนะครับ ผมทำมาเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้แล้ว อาจจะเป็นเพราะผมอยู่ในจุดที่ช่วยได้เยอะขึ้น คนเลยเห็นมากขึ้นแบบนั้นมากกว่า เมื่อก่อนผมก็ช่วย แต่ผมก็จะเอาตัวผมไม่รอดจริงๆ (หัวเราะ) ตอนนี้ผมรอดแล้วมีโอกาสก็ช่วยได้มากขึ้นแค่นั้นเอง

Mint : ไบร์ทชอบพูดว่า ตอนนี้ใช้ชีวิตเลยจุดคุ้มทุนแล้ว ตอนนี้คือกำไรของชีวิต อะไรที่ทำให้ไบร์ทคิดแบบนั้น

ชีวิตตอนนี้มันเกินจากที่ผมฝันไว้ไปเยอะมาก ผมรู้ตัวว่าผมทำงานประจำไม่ได้ โอเคงั้นเรามาตั้งใจในอาชีพของวงการบันเทิง ผมเห็นตัวเองทำงาน เก็บเงินก้อนหนึ่ง เปิดธุรกิจ ดูแลแม่ ภาพทั้งหมดคือยังต้องทำงานอยู่ทุกวัน แต่วันนี้ไม่ว่าจะในแง่ไหน มันเกินที่ฝันไว้ ทุกอย่างมันเกินคาดไปเยอะมากๆ

Mint : คิดว่าเป็นคนมีต้นทุนเยอะกว่าคนอื่นไหม เลยคุ้มทุนได้ในวัยที่ไม่ถึง 30 ปี

(นั่งคิดซักพัก) ต้นทุนที่ว่า ผมคิดว่ามันคือนิสัยไม่เลือกงานของผมมากกว่า คงเป็นเพราะผมไม่ได้เป็นคนทำตามปณิธานที่ยิ่งใหญ่อะไรขนาดนั้น ผมทำงานเพื่อเงิน มันเลยไม่มีโอกาสให้เลือกมากนัก ผมรับทุกงาน ทุกโอกาสที่เข้ามา ผมไม่เลือกว่างานนั้นทำได้หรือทำไม่ได้ แต่ถ้าเข้ามาแล้วต้องทำให้ดี แต่ถ้าออกมาไม่ดี พลาด ไม่เป็นไร ล้มให้เป็นแล้วยืนให้ไว วันหนึ่งโอกาสนั้นมันกลายเป็นเป็นโอกาสทองแล้วมันพาเรามาถึงจุดนี้ ผมว่าความไม่เลือกงานมันเลยเป็นต้นทุนที่ผมมี

Mint : เรื่องเงินสำคัญกับไบร์ทไหม

คือครอบครัวผมมีกันอยู่ไม่กี่คน แล้วผมก็ได้รับความรักจากครอบครัวมาตลอด สำหรับบางคนครอบครัวของเขาอาจจะไม่ได้เป็น Safe Zone แต่สำหรับผม ครอบครัวคือ Safe Zone สุดๆ เลย ผมทำอะไรก็ชมไปหมด หล่อมากลูก ทำดีมากลูก ฉีดยากันเก่งมาก ครอบครัวจึงเป็นส่วนสำคัญมากๆ ในชีวิตผม

แล้ววันหนึ่งผมสามารถใช้เงินสร้างความสุขให้กับครอบครัวได้ มันคือจุดคุ้มทุนที่สุดของผมเลย ผมไม่เคยคิดว่าแม่จะได้ออกจากงานเร็วขนาดนี้ ตอนนี้แม่อยู่บ้าน เลี้ยงแมว เป็นผู้หญิงที่มีความสุขคนนึง แค่ผมไม่เห็นแม่เครียด มันก็เป็นความสุขที่สุดของผมแล้ว ตอนนี้กลายเป็นผมเครียดแทนนะ (หัวเราะ) แต่ไม่เป็นไรเลย

Mint : มาที่ซีรีส์บางดีกว่า เห็นตูเล่าว่า ไบร์ทมีส่วนในการแคสติ้งบทของกอหญ้าด้วย

คือผมได้บทธามก่อนกอหญ้า คราวนี้เนี่ยทีมแคสเขาเอาแคนดิเดทมาให้ผมดู มีอยู่ 4-5 คน ซึ่งโอเคหมดเลย ผมก็เลยงั้นเอาอย่างนี้ วันแคสฯ เดี๋ยวผมไปแคสฯ ด้วย เอาผมแคสฯ คู่กันเลย ตูมาคนแรก เข้าบทกันเสร็จ ผมบอกโอเคคนนี้ได้แล้ว ไม่ต้องหาแล้ว จบการแคสเลย

Mint : อะไรที่ทำให้เลือกตู

น้องมีความเรียล มีบารมีที่สามารถข่มผู้ชาย 4 คนได้ น่าจะเล่นกับผมได้สนุก อีกอย่างน้องเป็นคนใจๆ คุยกันตรงๆ ได้เลย ซึ่งมันทำให้การทำงานมันง่ายและตรงกับเรา

ครั้งแรกที่ตูเจอผม ทีมงานถามว่ารู้สึกอย่างไร ตูตอบว่า “ไม่ชอบหน้าพี่เขาเลย” ผมก็เอ้อ! มันเอาเรื่องวะ แล้วพอตูพูดมันดูไม่ได้มีอะไรซ่อนไว้ ก็คือไม่ชอบ Just แค่ไม่ชอบแค่นั้นเลย ผมแบบเออ ไม่ผิดจริงๆ

หลังจากนั้นได้คุยกัน คือตูเขาเห็นผมตั้งแต่สมัยเตรียมฯ เด็กมัธยมมันก็จะมีข่าวกัน เข้าวงการผมก็มีอะไรมาประดังประเดอีก แต่พอได้ทำความรู้จักกันก็เข้าใจกันดี ตูก็ยังบอกว่าไม่เหมือนที่คิดไว้เลย

Mint : ความท้าทายของการเป็นธาม

ท้าทายตั้งแต่การทำความเข้าใจมุมมองของธามเลย เพราะใน F4 สภาพสังคมที่โตมามันไม่มีอะไรคล้ายกับผมเลย พื้นหลังครอบครัวธามคือรวยมาก รวยจนโลกแคบ และเอาแต่ใจ คือผมได้ลองสำรวจตัวละครผมเลยเข้าใจธามนะ แต่ถ้าคนอื่นมองเข้ามา คือธามคงเป็นคนประหลาดมากๆ

ความท้าทายอีกส่วนตกเป็นของทีมงานและผู้กำกับ ที่ต้องปรับเรื่องราวให้เข้ากับสังคมไทยปัจจุบันมากขึ้น แต่ก็ยังมีเค้าโครงของเต้าหมิงซื่ออยู่ ธามเปลี่ยนไปเยอะครับ อยากให้ลองเปิดใจดูกันก่อน ทีมงานตั้งใจกันมากจริงๆ ผมต้องให้เครดิตในจุดนี้

Mint : เกือบสุดท้ายแล้ว ให้พื้นที่โปรโมทเพลงหน่อย ถ้าจะให้มูฟไปไหน ได้ที่หนึ่ง อยากไปไหน

ไปญี่ปุ่นกับแม่ครับ สัญญาไว้ว่าจะพาไป แต่ด้วยโควิดและสถานการณ์ต่างๆ ก็เลยยังไม่ได้ไป อยากพาแม่ไปเที่ยวมากๆ

Mint : สุดท้ายแล้วฝากถึงน้องวินหน่อย

อยู่ห้องข้างๆ นี่เอง คุณพ่อลูกสองแล้ว เบนท์ลี่กับคาร์เทียร์ ก็เราเจอกันบ่อยอยู่แล้ว อยากให้ดูแลสุขภาพเยอะๆ เป็นห่วงเรื่องนี้อย่างเดียวเลย